www.weipinxgt.com www.hdf598.com www.rzkfqcg.com www.ywd100.com www.gzunitrade.com www.5aziyuan.com www.alsclean.com www.ynzsgc.com www.sdldtg.com www.i-sarima.com www.aijianbing.com www.xushiweigou.com www.haoyulongsp.com www.binqimotor.com www.kenminamipainting.com www.erli30.com www.cdhg88.com www.horse-home.com www.myjxzp.com www.dgselling.com www.chenlongjiancai.com www.zhongkuanwuliu.com www.huameide-sz.com www.shouxitongban.com www.scgcjx0207.com www.qdshengqian.com www.3w800.com www.kl-ad.com www.imshenghuo.com www.xxanlhw.com www.hfkaibo.com www.wlwservice.com www.jxguanghua.com www.zkld2009.com www.duanem.com www.hzwjzs.com www.chdlav.com www.lyxszl.com www.xinlaihuijiaju.com www.hrwholecare.com www.yingyang168.com www.honeywell-lk.com www.yushusanjiangyuanbao.com www.kangningyiyuan.com www.xzkjsxx.com www.jztushuguan.com www.gksswh.com www.jakjxx.com www.yyxlzw.com www.dwdzxx.com www.shszjzx.com www.skf-nsk-fag-ntn.com www.shanghailvhua.com www.yomandoors.com www.wenchengvote.com www.cn-sportsprotectors.com www.fuyixuantc.com www.jiayongdiant.com www.reshousuoj.com www.wuxitianzhile.com www.lsallx.com www.ravor-system.com www.jhbrq.com www.mirrvoll.com www.likekiwi.com www.hbclzqcj.com www.cqqfbxgm.com www.nmgdwjlw.com www.zmdjtzfw.com www.xunchengchaju.com www.gssx-pxgl.com www.sha-jing.com www.zysjmbj.com www.131701.com www.tlyhyy.com www.hbfbfz.com www.hljpadm.com www.fenxiangzhuan005.com www.jv001.com www.ruiyucnc.com www.zhuochenglaser.com www.zhaoshudeng.com www.facebook-france.com www.yuxianchu.com www.139yes.com www.lazonaentertainment.com www.eastofedens.com www.latelier-gourmet.com www.kaisyomaru.com www.tenglonghb.com www.bdsmfreevids.com www.gzshbzw.com www.ymgb0991.com www.setonohanayome.com www.attachmentmoms.com www.njmzyjg.com www.hi4r.com www.exotic-nails.com www.ef25.com www.lslcxx.com
สารจากอธิการบดี
มจร ๔.๐ ในยุคประเทศไทย ๔.๐
มจร ๔.๐ ในยุคประเทศไทย ๔.๐
ข้อมูลวันที่ 08 มิ.ย. 61 | 1984

มจร ๔.๐ ในยุคประเทศไทย ๔.๐


เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๔ ธนาคารโลกยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางระดับสูง (Upper-middle-income group) เนื่องจากรัฐบาลไทยมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้ขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูงเช่นเดียวกับสหรัฐเมริกาและญี่ปุ่นภายใน ๑๕-๒๐ ปีข้างหน้า รัฐบาลจึงกำหนดนโยบายการพัฒนาประเทศเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้นด้วยคำว่า “ประเทศไทย ๔.๐ Thailand 4.0” โดยแบ่งยุคของการพัฒนาประเทศออกเป็น ๔ ยุค ดังนี้




ประเทศไทย ๑.๐ ยุคเกษตรกรรม เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยพึ่งพารายได้จากผลผลิตทางการเกษตรเป็นหลัก ยุคนี้ชาวนาเป็นกระดูกสันหลัง  

ประเทศไทย ๒.๐ ยุคเกษตรอุตสาหกรรม เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยพึ่งพารายได้จากการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรมขนาดย่อม เช่นโรงงานทอผ้า

ประเทศไทย ๓.๐ ยุคอุตสาหกรรมหนัก เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยพึ่งพารายได้จาก ๓ ภาค คือ ภาคการเกษตร ภารบริการ เช่นการท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรมหนักในนิคมอุตสาหกรรม

ประเทศไทย ๔.๐ ยุคนวัตกรรม เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยจะพึ่งพารายได้จาก ๓ ภาคเหมือนเดิมแต่เน้นให้ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาขับเคลื่อนการพัฒนา


ในทำนองเดียวกัน ตลอดระยะเวลา ๑๒๐ ปีที่ผ่านมา เราสามารถแบ่งช่วงเวลาแห่งการพัฒนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยออกเป็น ๔ ยุค ดังนี้

มจร ๑.๐ MCU 1.0 ยุคราชวิทยาลัย

มจร ๒.๐ MCU 2.0 ยุคมหาวิทยาลัยสงฆ์

มจร ๓.๐ MCU 3.0 ยุคมหาวิทยาลัยของรัฐ

มจร ๔.๐ MCU 4.0 ยุคมหาวิทยาลัยนานาชาติ


มีรายละเอียดประกอบการแบ่งยุคดังนี้

มจร ๑.๐ ยุคราชวิทยาลัย (พ.ศ. ๒๔๓๐-๒๔๙๐)

นับจากช่วงเวลาที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงสถาปนามหาธาตุวิทยาลัยที่วัดมหาธาตุในพ.ศ. ๒๔๓๐ มหาธาตุวิทยาลัยเปิดเรียนบาลีในพ.ศ. ๒๔๓๒ ต่อมาในพ.ศ. ๒๔๓๙ รัชกาลที่ ๕ ทรงเปลี่ยนนามมหาธาตุวิทยาลัยเป็นมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเพื่อเป็นสถานศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาชั้นสูง แต่คณะสงฆ์ก็ไม่ได้จัดการศึกษาวิชาชั้นสูงตามพระราชปณิธานแต่อย่างใด คงมีแต่การเรียนบาลีอย่างเดียว


มจร ๒.๐ ยุคมหาวิทยาลัยสงฆ์ (พ.ศ. ๒๔๙๐-๒๕๒๗)

คณะสงฆ์เริ่มดำเนินการจัดการศึกษาในรูปแบบมหาวิทยาลัยสมัยใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๐ แบ่งส่วนงานจัดการศึกษาระดับปริญญาตรีออกเป็นคณะต่างๆ มีการปรับปรุงหลักสูตรที่ใช้ระบบหน่วยกิตเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ ต่อมาในพ.ศ. ๒๕๑๒ มหาเถรสมาคมได้มีคำสั่งรับการศึกษาของมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเป็นการศึกษาของคณะสงฆ์ โดยที่ในยุคนี้ยังไม่มีการรับรองปริญญาจากรัฐบาล


มจร ๓.๐ ยุคมหาวิทยาลัยของรัฐ (พ.ศ. ๒๕๒๗-๒๕๕๐)

รัฐบาลออกพระราชบัญญัติรับรองปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๗ โดยไม่มีการรับรองสถานภาพของมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด จนกระทั่งต่อมามีการออกพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๔๐ ทำให้มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐและเป็นนิติบุคคล สามารถจัดการศึกษาจนถึงระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยได้ขยายการศึกษาออกไปตามวิทยาเขต วิทยาลัยสงฆ์ ห้องเรียนและหน่วยวิทยบริการในจังหวัดต่างๆ รวมทั้งรับสถาบันสมทบเข้าสังกัดใน ๕ ประเทศ คือ เกาหลีใต้ จีนไต้หวัน สิงคโปร์ ศรีลังกา ฮังการี


มจร ๔.๐ ยุคมหาวิทยาลัยนานาชาติ (พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นมา)

ในแผนพัฒนามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยฯ ระยะที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔) มีการกำหนดวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยให้เป็น “ศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาระดับนานาชาติ” และได้ดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์นั้น ดังนี้


    พ.ศ. ๒๕๕๐ มหาวิทยาลัยได้รับเลือกให้เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสมาคมนานาชาติ ๒ สมาคม คือ สภาสากลวันวิสาขบูชาโลก (ICDV) และ สมาคมหาวิทยาลัยพุทธศาสนานานาชาติ (IABU) โดยมีอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเป็นประธานของสมาคมทั้งสอง


    พ.ศ. ๒๕๕๑ ย้ายสำนักงานใหญ่ของมหาวิทยาลัยมาตั้งอยู่ ในพื้นที่แห่งใหม่จำนวน ๓๒๓ ไร่ ณ ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT)รองรับการจัดการศึกษาผ่านสื่อทางไกล


    พ.ศ. ๒๕๕๑ ซื้อที่ดินและดำเนินการก่อสร้างสร้าง อาคารสำหรับวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ (IBSC)


    พ.ศ. ๒๕๕๕ มหาวิทยาลัยจัดตั้งสถาบันภาษาเพื่อสอนภาษาต่างประเทศให้กับบุคลากรและนิสิตของมหาวิทยาลัย


    พ.ศ. ๒๕๕๖ สภาสากลวันวิสาขบูชาโลกได้รับการรับรองจากสหประชาชาติให้เป็นองค์กรที่ปรึกษาพิเศษของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ


    พ.ศ. ๒๕๕๖ มหาวิทยาลัยประกาศตั้งส่วนงานระดับคณะเพื่อดำเนินกิจการนานาชาติ ๓ ส่วนงาน คือ วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ ศูนย์อาเซียนศึกษา วิทยาลัยพระธรรมทูต


    พ.ศ. ๒๔๖๐ วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติย้ายเข้าสู่อาคารเรียนหลังแรกที่สร้างเสร็จพร้อมกับอาคารหอพักนานาชาติ ขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างอาคารเรียนและหอพักหลังต่อไปพร้อมกับดำเนินการก่อสร้างอาคารหอสมุดรูปทรงเจดีย์ 


    พ.ศ. ๒๕๖๐ มหาวิทยาลัยจัดพิมพ์เผยแพร่พระไตรปิฎกฉบับสากล (CBT) ที่รวมแก่นพระไตรปิฎกเถรวาท มหายานและวัชรยานมาไว้ในเล่มเดียวกันเป็นครั้งแรกในโลก โดยมีอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเป็นประธานบรรณาธิการ (Chief Editor)


นับได้ว่า ในช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยได้เตรียมความพร้อมที่จะก้าวสู่ความเป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติไว้ในระดับหนึ่ง สิ่งที่ต้องแสวงหาเพิ่มเติมคือนวัตกรรมซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความเป็น มจร ๔.๐


นวัตกรรม (Innovation) คือการนำสิ่งประดิษฐ์หรือการค้นพบที่มีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหรือองค์ความรู้เดิมมาบูรณาการเข้าด้วยกันจนเกิดองค์ความรู้ใหม่หรือวิธีการใหม่ในการสร้างผลผลิตหรือให้การบริการที่ดีกว่า ตัวอย่างเช่น นายสตีฟ จ็อบส์ นำเอาคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เครื่องบันทึกเสียง กล้องถ่ายรูป อินเตอร์เน็ตที่คนอื่นประดิษฐ์ไว้มาบูรณาการเข้าด้วยกันจนสำเร็จออกมาเป็นไอแพด (IPad) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยต้องสร้างนวัตกรรมใน ๔ ด้าน ดังต่อไปนี้


๑. นวัตกรรมด้านผลผลิต (Product Innovation) เช่น การนำเอาองค์ความรู้ในอภิธรรมปิฎกและวิธีปฏิบัติกรรฐานมาบูรณาการเข้ากับจิตวิทยาตะวันตกจนเกิดสาขาวิชาพุทธจิตวิทยา


๒. นวัตกรรมด้านการบริการ (Service Innovation) เกิดจากการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งวิทยุ โทรทัศน์และสื่อออนไลน์มาใช้ในการเรียนการสอนและการเผยแผ่ธรรม


๓. นวัตกรรมด้านกระบวนการ (Process Innovation) คือการแสวงหาวิธีการใหม่ๆเพื่อลดขั้นตอนในการผลิต เช่น วิธีการสอนภาษาอังกฤษแก่มหาเปรียญโดยเทียบเคียงกับภาษาบาลี


๔. นวัตกรรมด้านการบริหาร(Management Innovation) เช่น การนำหลักธรรมมาใช้ในการบริหารจัดการจนได้ผลจริง


กล่าวโดยสรุป มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยในยุคมหาวิทยาลัยนานาชาติหรือ มจร ๔.๐ นอกจากจะมีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอต่อการพัฒนาต่อไปแล้ว ยังจะต้องมีความพร้อมในเรื่องภาษาต่างประเทศ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเหมาะสม และนวัตกรรมทั้งสี่ด้านดังกล่าวมา


เมื่อนั้นแหละวิสัยทัศน์ มจร. ๔.๐ จึงจะกลายเป็นจริง