ข่าวประชาสัมพันธ์
สิทธิประโยชน์ทางภาษีของนายจ้างและสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามประมวลรัษฎากร
19 มี.ค. 53 | ข่าวมหาวิทยาลัย
409
ข่าวมหาวิทยาลัย
สิทธิประโยชน์ทางภาษีของนายจ้างและสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามประมวลรัษฎากร
วันที่ ๑๙/๐๓/๒๐๑๐ เข้าชม : ๔๔๑๔ ครั้ง

กรณีมหาวิทยาลัย(นายจ้าง)

          ตามกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๘๓ (๒๕๓๓) ซึ่งออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กำหนดให้มหาวิทยาลัย(นายจ้าง)สามารถนำเงินสมทบที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มาหักเป็นรายจ่ายของมหาวิทยาลัย(นายจ้าง)ได้ หากการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนนั้นได้กระทำภายในสามวันทำการ นับแต่วันที่มีการจ่ายค่าจ้าง และมหาวิทยาลัย(นายจ้าง)นำเงินดังกล่าวเข้ากองทุนในรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกับที่มีการจ่ายค่าจ้าง

            ดังนั้น ในกรณีของการจ่ายเงินสมทบประจำเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีของมหาวิทยาลัย(นายจ้าง)นั้น มหาวิทยาลัยจะต้องนำส่งเงินดังกล่าว ให้แก่ผู้จัดการกองทุน ภายใน ๑๒.๓๐ น. (หรือตามเวลาเปิดรับเช็คของธนาคาร) ของ วันที่ ๓๐ ธันวาคม ของทุกปี (ในกรณีที่วันดังกล่าวตรงกับวันหยุดทำการของมหาวิทยาลัยหรือของธนาคาร มหาวิทยาลัยจะต้องนำส่งเงินดังกล่าว ภายในวันทำการสุดท้ายก่อนวันดังกล่าว) เพราะหากมหาวิทยาลัย(นายจ้าง)นำส่ง เงินดังกล่าวในเดือนมกราคมของปีถัดไป ก็จะถือว่านายจ้างไม่ได้นำเงินดังกล่าวเข้ากองทุนในรอบระยะเวลาบัญชีเดียวกับที่มีการจ่ายค่าจ้าง
            ทั้งนี้ แม้ว่าการจ่ายเงินดังกล่าวจะกระทำภายใน ๓ วันทำการ นับแต่วันที่มีการจ่ายค่าจ้างก็ตาม ซึ่งในกรณีดังกล่าว หากมหาวิทยาลัย(นายจ้าง)ต้องการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี มหาวิทยาลัยจะต้องยื่นหนังสือต่ออธิการบดีกรมสรรพากร เพื่อขออนุมัติให้สามารถนำเงินสมทบจำนวนดังกล่าวมาหักเป็นเป็นรายจ่ายของมหาวิทยาลัย(นายจ้าง)ได้ และหากเป็นกรณีที่มหาวิทยาลัย(นายจ้าง)จ่ายเงินเมื่อพ้นกำหนดสามวันทำการนับแต่มีการจ่ายค่าจ้างด้วยแล้ว มหาวิทยาลัย(นายจ้าง)ต้องนำส่งเงินเพิ่มสำหรับระยะเวลาที่จ่ายเวลาที่ล่าช้าต่อกองทุนให้แล้วเสร็จก่อน (ตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. ๒๕๓๐) จึงจะสามารถขออนุมัติต่ออธิการกรมสรรพากรได้ และในการอนุมัติอธิการบดี อาจมีคำสั่งให้นำเงินสมทบดังกล่าวมาหักเป็นรายจ่ายของปีที่มีการจ่ายค่าจ้างหรือให้หักเป็นรายจ่ายในปีถัดไปก็ได้
 

กรณีสมาชิก(ลูกจ้าง)

            ลูกจ้างที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนมีสิทธินำเงินดังกล่าวมาหักลดหย่อนและได้รับยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับในปีภาษีที่ได้มีการจ่ายเงินสะสมนั้นเป็นไปตามเงื่อนไข ดังนี้

๑.     เงินสะสมตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท มีสิทธินำมาหักลดหย่อนได้

๒.     เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนในอัตราไม่เกินร้อยละ ๑๕ ของค่าจ้าง ในส่วนที่เกินกว่า

๑๐,๐๐๐ บาท แต่ไม่เกิน ๒๙๐,๐๐๐ บาท (เมื่อรวมกับเงินลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ) ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเป็นเงินได้

ทั้งนี้ ในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่มหาวิทยาลัย(นายจ้าง)ออกให้แก่ลูกจ้างจะต้อง

ระบุว่าเงินสะสมที่มหาวิทยาลัยหักเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตามใบอนุมัติระเบียบว่าด้วย
กองทุนเลขที่ ๔/๒๕๔๔   เป็นจำนวนเงิน .................................. บาท เพื่อลูกจ้างจะได้นำหลักฐานดังกล่าวไปเป็นหลักฐานประกอบการขอหักลดหย่อนและ/หรือขอยกเว้นภาษีเงินได้


แหล่งข่าว : กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
Print This Page    Sent to Friend
แสดงความคิดเห็น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • กรรมฐานพุทธมัคควิถี : วิถีจิตหนทางตื่นรู้
    12 ก.ย. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    152
  • ทางพระอริยะ : ธาตุรู้ ทางพ้นทุกข์
    12 ก.ย. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    125
  • สูจิบัตร ครบรอบวันสถาปนา ๑๓๘ ปี มหาจุฬาฯ
    12 ก.ย. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    170
  • ส่วนหอสมุดกลาง สำนักหอสมุดและเทคโนโลยีสารสนเทศ จัดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ครั้งที่ 1/2568 ในโครงการจดหมายเหตุมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เรื่อง “จดหมายเหตุ : การสืบทอดมรดกธรรมทางประวัติศาสตร์”
    11 ก.ย. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    135
  • ขอนิมนต์/เรียนเชิญ เข้าร่วมงานครบรอบวันสถาปนา ๑๓๘ ปี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในวันที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ณ หอประชุม มวก.๔๘ พรรษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
    09 ก.ย. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    235