ข่าวประชาสัมพันธ์
มจร.รุกสร้างทางสว่างเปิดหลักสูตรปริญญาโทขจัดปัญหาความขัดแย้ง ปั้นกาวใจสังคมไทย
06 ก.พ. 56 | ข่าวมหาวิทยาลัย
281
ข่าวมหาวิทยาลัย
มจร.รุกสร้างทางสว่างเปิดหลักสูตรปริญญาโทขจัดปัญหาความขัดแย้ง ปั้นกาวใจสังคมไทย
วันที่ ๐๖/๐๒/๒๐๑๓ เข้าชม : ๓๘๓๖ ครั้ง

“ความขัดแย้ง” คือสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมโลกมาตั้งแต่อดีต  “ยิ่งในศตวรรษนี้ ปัญหาเรื่องความขัดแย้งในสังคมจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น” นั่นคือการคาดการณ์จาก องค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก  โดยยูเนสโกมองว่า ศตวรรษนี้เป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่าย ขณะที่แหล่งข้อมูลก็มีจำนวนที่มากเกินไป ส่งผลให้ประชาชนจะเลือกรับข้อมูลเฉพาะที่ตัวเองสนใจ หมกมุ่น ทำให้ไม่สามารถยอมรับความแตกต่างได้ และในที่สุดก็จะเกิดเป็นปัญหาความขัดแย้งขึ้นในแต่ละสังคม

       ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับข้อกังวลของที่ประชุมผู้นำทางศาสนากว่า 1,000 คน ที่ร่วมประชุมกับ นายโคฟี่ อันนัน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เมื่อปี ค.ศ.2000 และมีความเห็นตรงกันว่า ในศตวรรษนี้จะเกิดความขัดแย้งทางวัฒนธรรมและศาสนา โดยที่ศาสนาจะถูกอ้างอิงเพื่อไปเป็นมูลเหตุความขัดแย้งหันกลับมามองประเทศไทยบ้าง สถานการณ์ความขัดแย้งในสังคมไทยที่นับวันยิ่งขยายวงกว้างและทวีความรุนแรง ยิ่งเหมือนตอกย้ำชัดเจนว่าการคาดการณ์ของยูเนสโกไม่ใช่เรื่องเกินความจริง  ทั้งบรรดาสารพัดม็อบสีต่างๆ รวมไปถึงปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ซึ่งดูว่าไม่มีทีท่าจะสงบลงง่ายๆ

พระมหาหรรษา

พระมหาหรรษา


      และจากสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งที่ส่อวี่แววจะเพิ่มมากขึ้นนี่เอง จึงเป็นเหตุให้หลายสถาบันอุดมศึกษาของไทย อาทิ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เตรียมรับมือด้วยการเปิดสอนหลักสูตรเกี่ยวกับสันติศึกษา ด้วยหวังที่จะผลิตบุคลากรออกมาเป็นคนกลางในการเจรจา ผ่อนหนักเป็นเบา สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
 


 

       ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยสงฆ์อย่าง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) ก็ได้ร่วมมือกับ สำนักงานศาลยุติธรรม และ สถาบันพระปกเกล้า เปิด หลักสูตรโครงการปริญญาโท สาขาสันติศึกษา (ภาคพิเศษ) รุ่นที่ 1 ขึ้น โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ ใช้เวลาศึกษาข้อมูลก่อนที่จะเปิดหลักสูตรนี้นานกว่า 7 ปี จุดเด่นของหลักสูตร จะเน้นบูรณาการพัฒนาสันติภาพแบบผสมผสาน โดยเริ่มต้นพัฒนาผู้เรียนให้เกิดสันติภาพขึ้นภายในใจ ด้วยการใช้หลักสมาธิเป็นเครื่องมือในการกล่อมเกลาสติและปัญญา ซึ่งจะมีการศึกษาใน 3 กลุ่มวิชาหลัก คือ 1.แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับความขัดแย้ง สันติภาพ พระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ และพุทธสันติวิธี 2.ปฏิบัติการสร้างสันติภาพ ฝึกปฏิบัติในสถานที่จริง และ 3.ศึกษาต้นแบบของนักสร้างสันติภาพทั่วโลก
 

พระพรหมบัณฑิต

พระพรหมบัณฑิต

 
          พระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ กล่าวว่า สันติศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นเครื่องมือที่จะนำมาสลายความขัดแย้งได้ดีที่สุด และทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯจะไม่ยอมให้เกิดความขัดแย้งทางวัฒนธรรม และศาสนาขึ้นในสังคมไทยเด็ดขาด ดังนั้นในฐานะมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยด้านศาสนา จึงได้มีการคิดหลักสูตรสันติศึกษาขึ้น เพื่อหวังสร้าง วิศวกรทางสันติ ขึ้นมา ในการที่จะเจรจาให้เกิดความปรองดองขึ้นในสังคม

      สอดคล้องกับความเห็นของ ศ.ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ที่มองว่า ไทยยังไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างสันติวิธี เนื่องจากที่ผ่านมาสอนแต่ความรู้สันติวิธีเพียงแค่ทฤษฎี แต่ไม่สามารถปลูกฝังสิ่งที่เรียกว่าทัศนคติเชิงบวกต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ ดังนั้นการจัดหลักสูตรสันติวิธีจึงเป็นความจำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองขณะนี้มากที่สุด ซึ่งหลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้นำประเทศ นักการเมือง ผู้นำทางทหาร ผู้นำทางตำรวจ โดยหลักสูตรของทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯเป็นหลักสูตรแรกของการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่สมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทย

      “แม้หลักสูตรสันติศึกษา ทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯจะไม่ได้เปิดสอนเป็นแห่งแรกในประเทศไทย แต่หลักสูตรของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯจะเป็นหลักสูตรแรกของประเทศที่มีการนำหลักพระพุทธศาสนามาบูรณาการในการศึกษาหลักสูตรสันติศึกษา
พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯย้ำถึงจุดเด่นของหลักสูตร

      พร้อมกับระบุถึงกลุ่มเป้าหมายที่ทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ ต้องการให้เข้ามาศึกษาในหลักสูตรนี้ว่า จะเป็นกลุ่มสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด นักการเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ส. ซึ่งได้มีการส่งจดหมายเชิญ 2,000 ฉบับไปยังหน่วยงานต่างๆทั่วประเทศ เพื่อให้เข้ามาศึกษาในหลักสูตรนี้แล้ว ส่วนผู้ที่สนใจจะเข้ามาเรียนหลักสูตรนี้สามารถสมัครได้จนถึงวันที่ 30 มี.ค.นี้

      “ทีมข่าวศาสนา” มองว่า การที่สถาบันอุดมศึกษาต่างๆเปิดหลักสูตรสันติศึกษาขึ้น นับเป็นนิมิตหมายและจุดเริ่มต้นที่ดีในการเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยขจัดปัญหาความขัดแย้งซึ่งไม่ต่างจาก “ภัยเงียบ” ที่กำลังคุกคามเข้ากัดกินสังคมไทย

      และเราขอตั้งความหวังว่า หลักสูตรนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้สังคมไทยรู้จักเรียนรู้ที่จะใช้ความสงบ ซึ่งเปรียบได้กับสติ และสมาธิ มาเป็นตัวช่วยขจัดความเคลื่อนไหว ซึ่งหมายถึงความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความรุนแรง  เพื่อที่คนไทยจะได้หันกลับมารวมพลังสร้างสังคมและประเทศชาติให้แข็งแกร่ง พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนอย่างเต็มภาคภูมิ.


สกู๊ปทีมข่าวศาสนา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/edu/323111

สอบถามรายละเอียดการรับสมัครได้ที่
http://www.facebook.com/hansa.mcu

 

 


แหล่งข่าว : ส่วนเทคโนโลยีสารสนเทศ
Print This Page    Sent to Friend
แสดงความคิดเห็น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • แถลงการณ์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เรื่อง กรณีผู้บริหาร มหาวิทยาลัยปรากฎในข่าว แถลง ณ วันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘
    17 ก.ค. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    187
  • “พุทธนวัตกร บัณฑิตนักพัฒนาชุมชนเชิงสร้างสรรค์ด้วยปัญญาและคุณธรรม”
    08 ก.ค. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    154
  • ❝อธิการบดี เมตตาตรวจเยี่ยมบูธนิทรรศการ แสดงผลงาน 20 ปี ใต้ร่มพระบารมีทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ❞
    05 ก.ค. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    149
  • โครงการสืบสานงานพ่อต่อยอดทุนเล่าเรียนหลวงสําหรับพระสงฆ์ไทย
    05 ก.ค. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    124
  • ครบรอบ ๗ ปี วันก่อตั้งสถาบันพระไตรปิฎกศึกษา มจร
    01 ก.ค. 68 | ข่าวมหาวิทยาลัย
    137