วันนี้ 8 พฤษภาคม 2568 ตามที่ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองเนื่องในวันวิสขาบูชาโลก ครั้งที่ 20 ที่มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาเวียดนาม เมืองโฮจิมินท์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมี นายเลือง เกวง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นประธานเปิดการประชุมประมุขสงฆ์ ผู้นำชาวพุทธนานาชาติ และมีประมุขสงฆ์ สมเด็จพระสังฆราช ผู้นำชาวพุทธ มากกว่า 2,700 รูป/คน จาก 85 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วมพิธี ขณะที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม ร่วมงานและกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคม 2568 นั้น
วันนี้ (8 พฤษภาคม) ได้มีการประกาศปฏิญญาโฮจิมินห์ เนื่องในโอกาสวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคม 2568 มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาเวียดนาม นครโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามความว่า
ความนำ
ในโอกาสที่พุทธศาสนิกชน และมนุษยชาติได้ร่วมกันจัดพิธีเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาแห่งสหประชาชาติ ประจำปี 2568 ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากกลุ่มศาสนาพุทธ สภาสงฆ์ องค์กรทางพุทธศาสนา นักวิชาการ นักวิจัย และตัวแทนองค์กรเพื่อสันติภาพจาก 85 ประเทศและดินแดน ได้มารวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาเวียดนามในนครโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ 6 ถึง 8 พฤษภาคม 2568 เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 20 และเข้าร่วมการประชุมนานาชาติ ภายใต้หัวข้อเรื่อง "ความสามัคคีและการครอบคลุมเพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์: ข้อมูลเชิงลึกของชาวพุทธเพื่อสันติภาพโลกและการพัฒนาที่ยั่งยืน" ขอประกาศปฏิญญาโฮจิมินห์ ดังมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
อ้างถึงมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ 54/115 ซึ่งผ่านเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2542 ซึ่งให้การยอมรับวันวิสาขบูชาอย่างเป็นทางการในฐานะวันสำคัญทางวัฒนธรรมและศาสนาระดับนานาชาติ โดยให้มีการรำลึกเป็นประจำทุกปีที่สำนักงานใหญ่แห่งสหประชาชาติและสำนักงานภูมิภาคตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 เป็นต้นไป
พวกเราได้ตระหนักว่าการเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาของสหประชาชาติในปี 2568 ที่นครโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มีความหมายทางจิตวิญญาณและทางวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้งสำหรับคณะสงฆ์ พุทธศาสนิกชนทั่วไป และประชาชนเวียดนาม และถือเป็นโอกาสอันเป็นมงคลสำหรับชุมชนพุทธศาสนิกชนทั่วโลกในการฉลองเหตุการณ์สำคัญระดับชาติ 2 เหตุการณ์สำคัญ ได้แก่ วันครบรอบ 50 ปีการรวมชาติ (30 เมษายน 2518 - 30 เมษายน 2568) และวันครบรอบ 80 ปีวันชาติสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (2 กันยายน 2491-2 กันยายน 2568)
พวกเราขอแสดงความชื่นชมความสำเร็จที่โดดเด่นด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของนครโฮจิมินห์นับตั้งแต่การรวมชาติ และยอมรับสถานะในระดับนานาชาติที่เติบโตของเวียดนามในฐานะสมาชิกที่มีความสร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบของชุมชนระดับภูมิภาคและระดับโลก
พร้อมกันนี้ พวกเราขอร่วมแสดงความยินดีกับประชาชนชาวเวียดนามที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในทุกด้านของชีวิต เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการพัฒนาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนครโฮจิมินห์หลังจากรวมประเทศเป็นหนึ่งได้ครบ 50 ปี สถานะของเวียดนามในระดับนานาชาติยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และประเทศมีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้นทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
การที่วันวิสาขบูชาของสหประชาชาติจัดขึ้นในเวียดนามเป็นครั้งที่ 4 นั้น สะท้อนให้เห็นวิถีพุทธที่เปี่ยมด้วยอัตลักษณ์ที่หลากหลาย และเสรีภาพในเวียดนามได้อย่างชัดเจน เรามองเห็นความมุ่งมั่นที่เข้มแข็งและการดำเนินการในทางปฏิบัติของรัฐบาลเวียดนามในการเคารพและรับรองสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาพลเมืองทุกคน
พวกเราได้ร่วมกันยืนยันว่าวันวิสาขบูชาแห่งสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2568 เน้นย้ำถึงบทบาทที่ขาดไม่ได้ของพระพุทธศาสนาในการส่งเสริมความสามัคคี สันติภาพ ความอดทน และการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลก
โดยที่ตระหนักว่าการปฏิบัติตามวันวิสาขบูชาในปีนี้แสดงถึงความปรารถนาร่วมกันของเราที่จะนำภูมิปัญญาทางพุทธศาสนาและความรับผิดชอบทางจริยธรรมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนระดับโลก เช่น การแก้ไขความขัดแย้ง ความยุติธรรมทางสังคม ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) พร้อมกับการพัฒนาคุณค่าภายใน (IDGs)
การเฉลิมฉลองในปีนี้ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อีกทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความเชื่อมั่นและความหวังใหม่ในอนาคตที่สงบสุขและเต็มไปด้วยความเมตตากรุณาสำหรับมนุษยชาติ เราจึงขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อรัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม คณะสงฆ์เวียดนาม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้นำของคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ สำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น การมีจิตอาสาอุทิศตนจัดงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และสนับสนุนที่มีวิสัยทัศน์ในการจัดงานเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญระดับโลกครั้งนี้
เราขอเน้นย้ำถึงบทบาทของเวียดนามในฐานะเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการยกระดับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาร่วมกับประชาคมโลก และเป็นแบบอย่างสำคัญในการทูตวัฒนธรรมทางพุทธศาสนาที่ส่งเสริมความสามัคคีและความสามัคคีเพื่อสันติภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทุกคน
บัดนี้ พิธีการเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลกได้สำเร็จลงอย่างสมบูรณ์แล้ว พวกเราจึงได้มีฉันทามติประกาศปฏิญญาโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นการตอบสนองตามแนวทางของพุทธศาสนาต่อความท้าทายเร่งด่วนต่างๆ ของโลก โดยยึดหลักการไม่ใช้ความรุนแรงรุนแรง ความอดทน และการส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ข้อที่ 1:
ความสามัคคีและการมีส่วนร่วมเพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
1.1. เราให้คำมั่นที่จะส่งเสริมความสามัคคีและความครอบคลุมเพื่อศักดิ์ศรีของมนุษยชาติทั้งหมด โดยให้มนุษยชาติเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งศักดิ์ศรีได้รับการเชิดชูและไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง พร้อมกันนี้ เราขอยืนยันถึงความสำคัญของการเสริมสร้างการตอบสนองของพุทธศาสนาต่อความท้าทายระดับโลกและปัญหาเร่งด่วนในยุคสมัยของเรา รวมถึงความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม การเลือกปฏิบัติ และการแบ่งขั้วทางการเมือง ซึ่งยังคงบ่อนทำลายสันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศ
1.2. เราเรียกร้องให้มีการสนทนาข้ามวัฒนธรรมและข้ามศาสนาที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อเป็นหนทางในการเชื่อมช่องว่าง สร้างความไว้วางใจ และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชาวพุทธในการเจรจาระหว่างประเทศและความพยายามในการแก้ไขข้อขัดแย้งที่มุ่งส่งเสริมความสามัคคีระดับโลกที่ยั่งยืน
1.3 เราขอยืนยันว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มีความเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับสันติภาพ ความยุติธรรม การไม่ใช้ความรุนแรง และความเท่าเทียม และขอเรียกร้องให้ผู้นำโลกยึดมั่นในหลักการเหล่านี้ให้สอดคล้องกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs)
1.4 เราสนับสนุนการบูรณาการค่านิยมทางจริยธรรมของพุทธศาสนาในการกำหนดนโยบายและการปกครอง โดยให้แน่ใจว่าความเมตตา ปัญญา และความเป็นผู้นำที่มีจริยธรรมจะกำหนดกระบวนการตัดสินใจในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ
1.5. เราสนับสนุนหลักการของพระพุทธศาสนาที่มุ่งมั่นเป็นพลังการเปลี่ยนแปลงในการแก้ไขวิกฤตความยากจนและในการผลักดันความพยายามในการขจัดความหิวโหยและความอดอยาก นอกจากนี้ เรายังยืนยันถึงความเกี่ยวข้องของหลักการเหล่านี้ในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและความยั่งยืนทางระบบนิเวศ ด้วยจิตวิญญาณนี้ เราเรียกร้องให้โลกพุทธศาสนามีบทบาทเชิงรุกมากขึ้นในการริเริ่มเพื่อความยุติธรรมทางสังคมและการพัฒนาที่ครอบคลุม
ข้อที่ 2:
การปลูกฝังสันติภายในเพื่อสันติภาพโลก
2.1. เราตระหนักว่าความสงบภายในเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับสันติภาพโลก ซึ่งต้องอาศัยความมุ่งมั่นสากลต่อสติ จริยธรรม และปัญญา เป็นรากฐานของความสามัคคีที่ยั่งยืนภายในบุคคลและสังคม
2.2 เราสนับสนุนการบูรณาการแนวทางการไกล่เกลี่ยเชิงพุทธโดยใช้สติและสมาธิเป็นฐาน การทูต และการริเริ่มปรองดองหลังความขัดแย้ง โดยตระหนักถึงประสิทธิผลในการส่งเสริมความยืดหยุ่นทางอารมณ์ การสื่อสารโดยไม่ใช้ความรุนแรง และการรักษาสันติภาพแบบองค์รวม
2.3 เราเรียกร้องให้รัฐบาลและสถาบันทั่วโลกนำการฝึกสติและความเป็นผู้นำที่มีจริยธรรมมาใช้ เพื่อให้มีทักษะในการควบคุมอารมณ์ ความชัดเจนทางศีลธรรม และการบริหารจัดการด้วยความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น
2.4. เราสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์พุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ ความเป็นผู้นำที่มีจริยธรรม และวิธีการแก้ไขข้อขัดแย้งที่มีพื้นฐานมาจากปรัชญาพุทธศาสนา
2.5 เราขอเรียกร้องให้ผู้นำทั่วโลก ได้นำพุทธปัญญามาบูรณาการเข้ากับการกำหนดนโยบายสาธารณะและโครงสร้างการกำกับดูแล เพื่อให้แน่ใจว่าการตัดสินใจทำด้วยความชัดเจน สมดุล และคำนึงถึงความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาว
ขัอที่ 3:
การให้อภัย การเยียวยาอย่างมีสติ และการคืนดี
3.1. เราขอยืนยันว่าการให้อภัยและการเยียวยาใจอย่างมีสติเป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุความยุติธรรมหลังความขัดแย้งที่ยั่งยืน โดยให้แน่ใจว่าความพยายามในการปรองดองจะส่งเสริมการรักษา การฟื้นฟูร่วมกัน และสันติภาพที่ยั่งยืน
3.2. เราเรียกร้องให้ส่งเสริมหลักธรรมทางพุทธศาสนาเกี่ยวกับความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ การวางอุเบกขาในการแก้ไขข้อขัดแย้ง โดยส่งเสริมการสนทนา ความเข้าใจ และการทูตเชิงจริยธรรม
3.3 เราสนับสนุนการจัดตั้งโครงการการรักษาที่ยึดหลักการบำบัดทางจิตวิทยาแบบพุทธ โดยบูรณาการการทำสมาธิและการแทรกแซงที่เน้นสติ เพื่อสนับสนุนชุมชนหลังความขัดแย้งในการเอาชนะความบอบช้ำทางจิตใจ การสูญเสีย และความแตกแยกทางสังคม
3.4. เราเรียกร้องให้จัดตั้งคณะกรรมการปรองดองที่ยึดหลักจริยธรรมของพุทธศาสนา เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการยุติธรรมให้ความสำคัญกับความสามัคคีในสังคมอย่างลึกซึ้ง การมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุม และความรับผิดชอบต่อศีลธรรมในสังคมที่แตกแยก
ข้อที่ 4:
ความเมตตาของพุทธศาสนาในการปฏิบัติ
ความรับผิดชอบร่วมกันในการพัฒนาของมนุษยชาติ
4.1. เราเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างเศรษฐกิจที่เท่าเทียมและอิงตามความต้องการ โดยมีโครงสร้างบนหลักพุทธศาสนาเกี่ยวกับการกระจายความมั่งคั่งอย่างมีจริยธรรมและไม่ฟุ่มเฟือย รวมทั้งหลักศีลธรรมในการให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มากกว่าการแสวงหากำไร
4.2. เราเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการตามแบบจำลองของเศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจหมุนเวียน และการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจริยธรรมนิเวศของพุทธศาสนา เพื่อให้แน่ใจว่านโยบายเศรษฐกิจแบบฟื้นฟูมีความสอดคล้องกับสมดุลทางนิเวศ ความยุติธรรมระหว่างรุ่น และเสถียรภาพทางสังคมในระยะยาวอย่างสม่ำเสมอ
4.3 เราสนับสนุนรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยหลักพุทธศาสนา ส่งเสริมการใช้แรงงานอย่างมีจริยธรรม เศรษฐกิจการค้าที่เป็นธรรม และรูปแบบเศรษฐกิจที่เห็นอกเห็นใจซึ่งเสริมพลังให้กับประชากรที่ถูกละเลย และเพิ่มความมั่นคงของมนุษย์
4.4 เราขอเรียกร้องให้ผู้นำที่มีบทยาทในการกำหนดนโยบายนำคำสอนของพุทธศาสนาเกี่ยวกับความเอื้อเฟื้อ และการดำรงชีวิตที่ถูกต้อง เข้าไปเป็นนโยบายความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ กลไกการกระจายความมั่งคั่ง และระเบียบข้อบังคับการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน
4.5. เราเรียกร้องให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้นในโครงการริเริ่มด้านมนุษยธรรมของชาวพุทธ เพื่อแก้ไขวิกฤตเร่งด่วนของความยากจน ความหิวโหย การอพยพ และความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ผ่านความพยายามทางการกุศลที่ได้รับการชี้นำ
ข้อที่ 5:
การฝึกสติในการศึกษาเพื่ออนาคตและความยั่งยืนของมนุษยชาติ
5.1. เราสนับสนุนการบูรณาการการอบรมจริยธรรมทางพระพุทธศาสนาและการศึกษาสติเข้ากับหลักสูตรโรงเรียนโลก โปรแกรมการพัฒนาครู และกรอบการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อปลูกฝังภูมิปัญญา ความเป็นผู้นำที่มีจริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม
5.2. เราขอเรียกร้องให้สถาบันการศึกษานำเอารูปแบบการเรียนรู้ที่เน้นความเห็นอกเห็นใจมาใช้ โดยเน้นการใช้เหตุผลทางศีลธรรม การสื่อสารโดยไม่ใช้ความรุนแรง และการสอนที่เน้นการไตร่ตรองให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสังคมที่กลมกลืนและมีจริยธรรม
5.3. เราเรียกร้องให้มีการนำกระบวนการเรียนรู้ที่มีสติเป็นฐาน (Mindfulness Based Learning) ไปใช้ในการการจัดการศึกษา และการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี (Wellness) การแก้ปัญหาทางจริยธรรม และความเครียดที่เพิ่มมากขึ้นอันเกิดจากแรงกดดันทางสังคมและเทคโนโลยีสมัยใหม่
ข้อที่ 6:
การส่งเสริมความสามัคคีความพยายามร่วมกันเพื่อความสามัคคีทั่วโลก
6.1. เราขอเรียกร้องให้ผู้นำทางศาสนาพุทธมีบทบาทเชิงรุกในภารกิจสันติภาพของสหประชาชาติและเวทีระหว่างศาสนา เพื่อสนับสนุนการแก้ไขข้อขัดแย้ง การสร้างสันติภาพ และการปรองดอง
6.2. เราขอรับรองว่าค่านิยมทางพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับการไม่ใช้ความรุนแรงและความรับผิดชอบร่วมกันควรเป็นตัวกำหนดนโยบายด้านภูมิอากาศและกลยุทธ์ในการตอบสนองต่อภัยพิบัติ โดยให้แน่ใจว่าการอนุรักษ์ระบบนิเวศยังคงเป็นเสาหลักพื้นฐานของการปกครองระดับโลก
6.3 เราสนับสนุนการอุทิศตนเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การฟื้นฟูหลังสงคราม และการปกป้องระบบนิเวศ โดยการระดมทรัพยากรทางพุทธศาสนาจากทั่วโลกเพื่อตอบสนองต่อวิกฤตและความท้าทายทางสังคม
6.4. เราขอแสดงความเคารพนับถืออย่างสูงต่อพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าศากยมุนี ซึ่งเป็นสมบัติของชาติของอินเดีย และพระบรมสารีริกธาตุพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระโพธิสัตว์ ติช กว๋าง ดึ๊ก แห่งเวียดนาม ซึ่งถือเป็นมรดกอันศักดิ์สิทธิ์ของมนุษยชาติเพื่อสันติภาพโลก โดยประดิษฐานไว้ ณ วันวิสาขบูชาแห่งสหประชาชาติ ปี 2568 ณ นครโฮจิมินห์
ข้อที่ 7:
เจ้าภาพจัดงานวันวิสาขบูชาแห่งสหประชาชาติ
ประจำปี 2569
สภาสากลวันวิสาขบูชาโลกมีความยินดีที่จะประกาศการอนุมัติและการสนับสนุนสมาคมพุทธศาสนาแห่งประเทศจีนในการเป็นเจ้าภาพจัดงานเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 21 ในสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี พ.ศ. 2569 เราขอเชิญชวนผู้นำพุทธศาสนา นักวิชาการ และผู้รักสันติทุกท่านให้มาร่วมงานกับเราในสาธารณรัฐประชาชนจีนในโอกาสสำคัญครั้งนี้
บทสรุป
ในจิตวิญญาณของวันวิสาขบูชาแห่งสหประชาชาติ 2025 พวกเราในฐานะผู้แทนที่มาร่วมประชุม ขอยืนยันความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละของเราในการใช้ภูมิปัญญาของชาวพุทธ ความรับผิดชอบทางจริยธรรม และการดำเนินการร่วมกันเพื่อสันติภาพโลก ศักดิ์ศรีของมนุษย์ และความเป็นอยู่ที่ดีของโลก เราขอเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทุกประเทศจะต้องให้ความสำคัญกับนโยบายสันติภาพ ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ แทนที่จะใช้กำลังทหารและการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ
สถาบันระดับโลกในการนำหลักจริยธรรมทางพุทธศาสนามาใช้ในการปกครอง การทูต และการพัฒนาที่ยั่งยืน
องค์กรระดับโลกที่จะยอมรับว่าภูมิปัญญาพุทธศาสนาเป็นทรัพยากรที่สำคัญสำหรับการแก้ไขข้อขัดแย้งและจริยธรรม
ชุมชนชาวพุทธนานาชาติจะเข้ามามีส่วนร่วมในความพยายามร่วมกันในการสร้างภาวะผู้นำด้านจริยธรรม ความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ และการรักษาสิ่งแวดล้อม
ให้คำประกาศนครโฮจิมินห์นี้ทำหน้าที่เป็นมิติทางศีลธรรม กรอบการทำงานเชิงยุทธศาสตร์ และการเรียกร้องอย่างเร่งด่วนให้ผู้นำ ผู้กำหนดนโยบาย และประชาชนทุกคนที่มุ่งมั่นเพื่อโลกที่ยุติธรรม สันติ และยั่งยืนยิ่งขึ้น
ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นทุกข์ภัย ขอให้ปัญญาและความเมตตาชี้นำการกระทำของเรา ขอให้วิสาขบูชา 2568 เป็นยุคใหม่แห่งความสามัคคีของโลก
ลงนามเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
ณ มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาเวียดนาม นครโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ศาสตราจารย์ ดร.พระพรหมบัณฑิต ประธานกรรมการบริหารสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก ประธานกรรมการจัดงานระดับนานาชาติ
พระธรรมาจารย์ติช เทียน เยิน ประธานกรรมการบริหารคณะสงฆ์เวียดนาม ประธานกรรมการจัดงานระดับชาติ