
สกอ.ประเมิน "มจร" ผ่านในระดับดี หวังให้มุ่งจัดการศึกษาพระพุทธศาสนาบูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่ พัฒนาจิตใจและสังคม พร้อมรองรับประชาคมอาเซียน ขณะที่อธิการบดี"มจร" ยันมุ่งพัฒนามหาวิทยาลัยเป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาของโลกอย่าง ยั่งยืน
ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕ ที่ผ่านมา คณะผู้ประเมินคุณภาพการศึกษาภายในระดับสถาบัน (สกอ.) นำโดยรศ.ดร.วิเชียร ชิวพิมาย รองอธิการฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ประธานกรรมการ รศ.พีระวุฒิ สุวรรณจันทร์ คณบดีคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเจ้าฯ ลาดกระบัง ผศ.ดร.ตวงรักษ์ นันทวิสารกุล คณบดีคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ผศ.ดร.โกนิฎฐ์ ศรีทอง หัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ และอาจารย์ไฉไลฤดี ยุวนะศิริ อาจารย์ประจำวิทยาเขตเชียงใหม่ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและประเมินคุณภาพการศึกษาภายในของมหาวิทยาลัยมหาจุฬา ลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต. ลำไทร อ.วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีพระธรรมโกศาจารย์, ศ.ดร. อธิการบดี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ให้การต้อนรับ โดยคณะกรรมการประเมินคุณภาพการศึกษาได้ประเมินผลให้มหาจุฬาฯผ่านการตรวจ ประเมิน โดยการตรวจทุกองค์ประกอบอยู่ใน“ระดับดี” ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ย “๓.๗๑”
ในโอากาสนี้รศ.ดร.วิเชียร ได้แสดงความเห็นว่า มหาจุฬาฯเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งคณะสงฆ์ไทยที่มีบทบาทที่โดดเด่นต่อการเสริม สร้าง และพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมแก่สังคมไทย เพื่อให้มหาวิทยาลัยได้ใช้แนวทางดังกล่าวเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารให้ สอดรับกับวิสัยทัศน์ที่ประสงค์จะเน้นจัดการศึกษาพระพุทธศาสนาบูรณาการกับ ศาสตร์สมัยใหม่ พัฒนาจิตใจและสังคม

รศ.ดร.วิเชียร กล่าวต่อว่า กรรมการทุกท่านเห็นตรงกันว่า แม้ว่ามหาวิทยาลัยจะเผชิญหน้ากับมหาอุทกภัยอย่างหนักในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่มหาจุฬาฯได้เร่งฟื้นฟูโครงการพื้นฐาน ทั้งการปรับภูมิทัศน์และอาคารต่างๆ ได้อย่างร่มรื่น สวยงาม และเอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้อย่างรวดเร็ว ตัวแปรสำคัญประการหนึ่งคือ บารมีของผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัย จึงเป็นแรงผลักดันสังคมไทยได้เข้ามาช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนา มหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง
“ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์เป็นผู้นําที่ดี มีธรรมาภิบาล รับผิดชอบและดูแลบุคลากร ภายในองค์กรเป็นอย่างดี อีกทั้งมีความชัดเจนในการใช้ศาสตร์เชิงพุทธเพื่อการพัฒนาทั้งภายในประเทศและ สู่ความเป็นนานาชาติ ถึงกระนั้นในขณะที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ นั้น มหาวิทยาลัยควรจัดทำยุทธศาสตร์ตามบริบทของมหาวิทยาลัย และวิทยาเขต เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับนิสิตที่เข้ามารับบริการด้านการศึกษาใน ทุกๆ ด้าน” รศ.ดร.วิเชียรกล่าวเพิ่ม
นอกจากนี้ ผศ.ดร.ตวงรักษ์ นันทวิสารกุล ได้กล่าวเสริมว่า การก้าวเข้าสู่ประคมอาเซียนนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้สถาบันภาษาเป็น เครื่องมือในการพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษของนิสิตทุกระดับ รวมไปถึงพัฒนาศักยภาพการใช้ภาษาของคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย ให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน และใช้งานได้จริงในสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งจะเป็นการยกระดับของมหาวิทยาลัยซึ่งมีความโดดเด่นในแง่ของการเป็นศูนย์ กลางพระพุทธศาสนาระดับนานาชาติอยู่แล้ว
ขณะที่ พระธรรมโกศาจารย์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะได้นำผลการประเมินดังกล่าวมาพัฒนา มหาวิทยาลัยทั้ง ๔ พันธกิจ คือ การผลิตบัณฑิต การวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปะวัฒนธรรม จะเห็นว่าตั้งแต่มหาวิทยาลัยได้เริ่มพัฒนาในเชิงกายภาพตลอดระยะเวลา ๑๐ กว่าปีที่ผ่านมา ได้นำทุนทางสังคม (Social Capital) เข้ามาช่วยสนับสนุนเป็นจำนวนมาก
“นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปมหาวิทยาลัยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องก้าวไปสู่ การพัฒนาบุคลากรของมหาวิทยาลัยให้มีความสามารถในการบริหาร และพัฒนามหาวิทยาลัยให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาพระพุทธศาสนาของโลกอย่าง ยั่งยืน โดยใช้เครื่องมือคือการประกันคุณภาพเข้ามาช่วยเป็นกระจกเพื่อสะท้อนภาพรวมใน การบริหารซึ่งจะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” พระธรรมโกศาจารย์ กล่าวและว่า "ขออนุโมทนาขอบคุณคณะกรรมการที่ตรวจประเมินคุณภาพทุกคน ที่ได้ช่วยเป็นกัลยาณมิตรชี้ให้เห็นจุดเด่น จุดด้อย และจุดที่ควรพัฒนา ซึ่งมหาวิทยาลัยจะได้นำแนวทางดังกล่าวไปศึกษา วิเคราะห์ และวางแผนเพื่อพัฒนามหาวิทยาลัยต่อไป ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ให้สอดรับกับเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัย"
“อย่างไรก็ตาม จากผลของการประเมินนั้น เห็นได้ชัดว่า มหาวิทยาลัยจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องปรับแผนพัฒนาเพื่อนำการบริการ วิชาการแก่สังคม และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ซึ่งได้คะแนนผลการประเมินดีมาก มาเป็นกรอบในการบูรณาการในการช่วยสนับสนุน และส่งเสริมกิจกรรมการเรียนการสอน การพัฒนานิสิต และการวิจัยเพิ่มมากยิ่งขึ้น” พระธรรมโกศาจารย์กล่าวย้ำกับผู้บริหารของมหาวิทยาลัย
ที่มา; หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันที่ 16 กันายน 2555
สมหมาย สุภาษิต/ข้อมูล |